พาออนซอน หอโหวด 101 โดย ออกไปเลาะ (บล็อกเกอร์)
พาออนซอน “หอโหวด 101” หอเบิ่งวิวมุมสูงเมืองร้อยเอ็ด แลนด์มาร์กสุด Unseen อีสาน
ด้วยอาชีพช่างภาพอิสระ ทำให้ผมได้มีโอกาสตะเวณไปทั่วอีสาน เมืองร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดหนึ่งที่เดินทางผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่ผ่านมาก็เป็นเพียงเมืองทางผ่าน จนเมื่อโหวดยักษ์สีเหลืองทองอร่ามหรือ หอโหวด 101 ตั้งตระหง่านขึ้น และเปิดอย่างเป็นทางกลางเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ที่ผ่านมา ได้จุดประกายความสนใจ และดึงดูดใจ จนเรียกร้องให้ร้อยเอ็ดกลายเป็นเดสติเนชันที่ผมอยากจะมาเยือนที่นี่แบบเต็มอิ่มสักครั้ง
หอโหวด 101 หรือ ROI ET TOWER เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ท่ามกลางตัวจังหวัดร้อยเอ็ดที่อบอวลด้วยความสโลว์ไลฟ์ โดยตั้งอยู่ในบริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด ด้านหน้าบึงพลาญชัย ในส่วนของดีไซน์นั้น แน่นอนว่านำมาจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองประจำร้อยเอ็ด และมีความสูง 101 เมตร หรือเทียบเท่ากับอาคารสูง 35 ชั้น เห็นได้ว่าทุกส่วนสะท้อนถึงอัตลักษณ์เมือง มาเชื่อมร้อยระหว่างสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ได้อย่างน่าสนใจ กลายเป็นแลนมาร์กอันสำคัญของที่นี่ ชวนให้คนต่างถิ่นอย่างผมอยากเข้ามาเชยชมดูสักครั้ง
เพียงได้ยืนอยู่ตรงหน้าก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของหอโหวด 101 และเมื่อก้าวเข้าสู่ภายในก็ได้รับการบริการจากเจ้าหน้าอย่างสะดวกสบาย หลังจากซื้อบัตรเข้าชมตรงบริเวณชั้น 2 แล้ว ตรงโถงทางเดินยังมีนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวการก่อสร้างหอแห่งนี้ ตรงเข้าไปด้านในก็เป็นที่ขึ้นลิฟต์สู่ชั้นที่ 31 จุดชมวิวแบบ 360 องศา ซึ่งจะมีกล้องส่องทางไกลให้ได้ซูมดูสถานที่ต่างๆ รอบเมือง ระหว่างทางเดินจากชั้น 32 สู่ชั้น 33 ยังมีจุดถ่ายภาพจากมุมสูงอย่างจุใจให้โพสต์ลงโซเชียล โดยชั้น 33 ยังมีนิทรรศการให้ได้เรียนรู้อย่างเพลินเพลิด ซึ่งจะหมุนเวียนกันไปตามวาระโอกาส
และแล้วก็มาถึงไฮไลต์ของหอโหวด 101 จากความสูงบนชั้น 34 ซึ่งเปิดรับลมธรรมชาติที่พัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะมาหยุดอยู่ตรงพื้นกระจกใส Ska Walk ให้ท้าทายความสูง เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดมายืนเหาะเหินเดินอาการ ถ่ายภาพกับวิวมุมท็อป มีบึงพลาญชัยเป็นฉากหลังอันตระการตายิ่งนัก อนาคตยังจะมี Zipline ให้โหนโรยตัวให้ได้ทดสอบความกล้ากันอีกด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมวิวบนยอดหอโหวด 101 คือช่วงยามเย็มที่แสดงตะวันคล้อยต่ำ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามสุดๆ รวมทั้งแสงไฟยามค่ำก็สร้างความประทับใจได้ดีทีเดียว
ก่อนจะลงแนะนำขึ้นไปยังชั้น 35 ซึ่งจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธมิ่งเมืองมงคล พระพุทธรูปประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อกราบสักการะเป็นสิริมงคล หรือจะแวะนั่งชิวชิวชมทัศนียภาพไป จิบกาแฟและเครื่องดื่มชื่นใจที่ Ska Vader คาเฟ่ที่สูงในร้อยเอ็ดจากบนชั้น 30 ก็เก๋ไก๋ไม่เบา
น่าชมเชยแนวคิดการนำสัญลักษณ์เก่าแก่ของเมืองอย่างโหวด มาเป็นหอชมเมืองสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว สำหรับโหวด คือเครื่องดนตรีประจำจังหวัด ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่คิดค้นและพัฒนาโดย อ.ทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2562 สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้านอีสาน) การมาเยือนร้อยเอ็ดในโฉมใหม่ที่มีหอโหวด 101 รู้สึกได้ว่าเจือกลิ่นอายอย่างเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ ที่มีจุดขายเป็นหอชมเมือง ถึงอย่างนั้นก็เป็นเอกลักษณ์ฌฉพาะจะให้เหมือนกับที่ไหนๆ ก็เปรียบกันยาก เป็นสร้างบันทึกภาพจำใหม่ให้เป็นเมืองต้องห้ามพลาด มาแล้วจะต้องประทับใจไม่ลืม
เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง
อย่างที่ผมได้เกริ่นเอาไว้ข้างต้นว่า จังหวัดร้อยเอ็ดมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เมืองเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แห่งนี้ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเอาไว้ ทั้งวัดวาอารามที่สวยงดงาม ตลอดจนเป็นมีคาเฟ่ที่มีสไตล์โดดเด่นเฉพาะตัวแบบที่อาจจะรู้สึกว่า ร้อยเอ็ดก็มีแบบนี้ด้วยหรอ จนชวนให้ผมต้องออกไปเลาะ ไปค้นหา
Checklist
– วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง)
– วัดบูรพาภิราม
– แอ๋วไข่กระทะ
– Elefin Cafe Bahn Suan Payorm
– The Roof by Sangthai
– อิสานเลียปาก
วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) บุโรพุทโธเมืองไทย
วัดป่ากุงเป็นที่รู้จักกันในนามบุโรพุทโธเมืองไทย เนื่องจากภายในวัดมีเจดีย์หินทรายขนาดใหญ่ งดงามตระการตา ซึ่งจำลองมาจากต้นแบบที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นแห่งแรกของเมืองไทย สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2547 เป็น เจดีย์มีรูปทรงแปดเหลี่ยม กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สอดคล้องกับชื่อจังหวัด แบ่งเป็น 7 ชั้น ประดับด้วยภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำ เล่าเรื่องราวพุทธประวัติพระพุทธเจ้า และพระเวสสันดรชาดกชาติสุดท้าย ซึ่งตรงกับงานประเพณีบุญผะเหวดร้อยเอ็ด ตรงผนังทรงกลมฐานรององค์เจดีย์บนชั้น 5 เป็นภาพสังเวชนียสถาน ส่วนชั้น 6 เป็นองค์เจดีย์ราย 8 องค์ และองค์ประธาน 1 องค์ และชั้น 7 ยอดเจดีย์ทองคำน้ำหนัก 101 บาท ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย โดยรายล้อมเจดีย์อีกทั้งหมด 136 องค์
สำหรับวัดป่ากุง ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เดิมเป็นวัดเก่าแก่ ร้างมาตั้งแต่ปี 2313 กระทั่งพระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) พระเกจิกัมมัฏฐาน (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ได้นำศรัทธาชาวบ้านร่วมกันพัฒนาและตั้งเป็นวัดชื่อว่า วัดประชาคมวนาราม โดยเมื่อครั้งหลวงปู่ศรี มหาวีโร ไปไปปฏิบัติศาสนกิจ จำพรรษาที่ประเทศอินโดนีเซีย และได้ไปนมัสการเจดีย์บุโรพุทโธ จึงเกิดความประทับใจและนำมาจำลองให้พุทธศาสนิกชนในไทยได้กราบสักการะ ถือเป็นอันซีนของเมืองร้อยเอ็ดอีกแห่ง อยู่ห่างจากตัวเมือง 20 กม. เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 17.30 น.
วัดบูรพาภิราม
กลางเมืองร้อยเอ็ดยังมีสิ่งสูงใหญ่ที่เด่นสง่างาม ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ทั้งยังเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนในพื้นที่มาช้านาน นั่นคือ พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด วัดบูรพาภิราม เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทย วัดจากพระบาทสูงถึง 101 ศอก เท่ากับชื่อจังหวัด หรือประมาณ 59 เมตร 20 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เชื่อกันว่าหลวงพ่อใหญ่คอยปกป้องคุ้มครองชาวร้อยเอ็ดให้ความเป็นอยู่อย่างร่มเย็น และด้วยความสูงขององค์พระ หากใครได้มากราบไหว้จะได้อานิสงส์สูงเทียมฟ้า ทำสิ่งใดก็สำเร็จผลด้วยประการทั้งปวง
วัดบูรพาภิราม เป็นวัดเก่าแก่ประจำมืองร้อยเอ็ด สร้างตั้งแต่ปี 2456 เดิมชื่อวัดหัวรอ เล่ากันว่าสมัยก่อนนั้นที่วัดถือเป็นสถานที่สำหรับพักแรมของพ่อค้า ประชาชน ซึ่งต้องอาศัยการเดินทางเป็นหลัก และมักจะเป็นจุดนัดพบกัน โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ริมคูน้ำโบราณ อันเป็นที่มาของชื่อวัดต่อมาในภายหลังนั่นเอง
แอ๋วไข่กระทะ
เมนูสามัญประจำมื้อเช้าในแดนอีสานคงไม่พ้น ไข่กระทะเครื่องแน่นๆ ขนมปังญวนไส้หมูยอกุนเชียงแบบล้นๆ รับประทานคู่กับก๋วยจั๊บญวนเส้นเหนียวนุ่ม โจ๊กร้อนๆ หอมกรุ่นในยามเช้า ถ้าใครมองหาอาหารเหล่านี้ในร้อยเอ็ด ให้มาที่ แอ๋วไข่กระทะ แล้วจะถูกใจสิ่งนี้แน่นอน ร้านนี้เปิดขายมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2527 นับได้ว่าเป็นร้านไข่กระทะเจ้าแรกและขนมปังญวนไส้ทะลักของเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น การันตีจากคนที่แน่นเต็มร้านที่ตกแต่งในสไตล์ย้อนยุค ไม่ควรพลาดมาลิ้มรสชาติ เปิดทุกวัน เวลา 05.30 – 11.00 น.
Elefin Cafe Bahn Suan Payorm
เรือนไม้ตึกแถวขนาด 4 คูหา 2 ที่เปลี่ยนจากกิจการยาเส้นของตระกูลสีนะวัฒน์พาณิชย์ สู่คาเฟ่สไตล์วินเทจในรุ่นหลาน Elefin Cafe Bahn Suan Payorm ร้านกาแฟและอาหารบรรยากาศดีริมบึงพลาญชัย ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยพ่วงท้ายชื่อคุณปู่สวน และคุณย่าพยอมมาเติม ถือเป็นการคารวะต้นฉบับ แถมยังมีความพิเศษตรงที่ เป็นการปรับปรุงจากบ้านศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ศิลปะงานผ้า) ปี 2530 คือย่าพยอม ดังจะเห็นจากการนำอุปกรณ์ทอผ้ามาตกแต่งตัวร้าน รวมทั้งเครื่องมือจับปลาของคุณปู่ ไปจนถึงโมเดลรถ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ เป็นเสน่ห์ของวันวานที่น่ารักไม่หยอก ใครที่รักการถ่ายภาพร้านนี้มามุมให้เลือกเยอะมาก เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 20.00 น.
The Roof by Sangthai
คาเฟ่ดีไซน์แหวกแนวที่สุดของร้อยเอ็ด น่าจะเป็นคำพูดถึง The Roof by Sangthai ได้แบบไม่เกินจริง ด้วยตัวคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ริมถนนไฮเวย์แห่งนี้ใช้วัสดุเมทัลชีท โดยเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวโดยจัดจำหน่ายแผ่นหลังคาเมทัลชีท แสดงให้เห็นถึงการใช้งานและการออกแบบที่แปลกตา แต่เท่ได้ด้วย ภายในยังมีพื้นที่นั่งในสวนร่มรื่นแบบชิวชิว ใครที่มองหาช่วงเวลาพักเบรกจิบดื่มกาแฟ เครื่องดื่ม และเบเกอรี แวะมาได้ นอกจากจะได้รับประทานของอร่อยๆ แล้ว ยังจะได้ภาพกลับไปโพสต์ได้อีกชุดใหญ่เลยครับ ร้านสวยจริงๆ คาเฟ่ตั้งอยู่แถวแยกธวัชบุรี ห่างจากตัวเมืองเพียง 5 กม. เปิดทุกวัน 08.30 – 17.30 น.
อิสานเลียปาก
ช่วงเวลามื้อเย็นแห่งความชิวสบาย หากมองหาร้านอาหารค่ำเคล้ากับบรรยากาศแฮงเอาต์ พร้อมกับเมนูเลิศรสแล้วก็ ในร้อยเอ็ดมีร้านที่ตอบโจทย์คือ อิสานเลียปาก ร้านสไตล์อีสานฟิวชั่นหลากหลายเมนู ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์กลาสเฮาส์ ประดับด้วยเครื่องจักรสานพื้นบ้าน และเฟิร์นสีเขียวที่สดชื่นสายตา เหมาะกับมาสังสรรค์กับแก๊งเพื่อนฝูง เติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขกับครอบครัว หรือดินเนอร์กับคู่รักก็ได้ทั้งนั้น ตัวร้านติดริมคูเมือง เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 17.00 – 00.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
เพจ : ออกไปเลาะ
Travel Festival
How in fell in love with nature
นราธิป กาเผือก
บล็อกเกอร์หนุ่มลูกอีสาน ผู้ชื่นชอบธรรมชาติ รักการถ่ายภาพ และการเดินทาง
ว่างเมื่อไหร่ต้องออกไปเลาะ ตามประสาหนุ่มนักเดินทางที่ชื่นชอบสไตล์วิถีแคมป์ปิ้ง ทุกเรื่องราวความประทับใจถูกถ่ายทอดผ่านภาพสวยที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และความสุขในทุกครั้งที่เขาได้ออกเดินทาง
ออกไปเลาะ Out Go To Lolh
www.facebook.com/outgotololh