สวรรค์บนดิน ที่ ม่อนหมอกตะวัน

ช่วงเวลาของการได้สัมผัสธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์บนยอดดอย หลีกไกลห่างผู้คนในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายภายใต้หน้ากากและความหวาดผวาที่มีต่อโควิด-19 การเดินทางท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ New Normal โดยแสวงหาที่เที่ยว ที่พักผ่อนใจ พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินั้นคงช่วยชาร์จพลังให้รู้สึกผ่อนคลาย และมีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย

การมาเที่ยว อ.พบพระ จ.ตากครั้งนี้ก็เช่นกัน เป้าหมายหลักของผมคือการเปลี่ยนสไตล์การเที่ยวมาเป็นแนวแคมป์ปิ้งดูบ้าง อาจจะผิดแผกแตกต่างไปจากการรีวิวโรงแรมหรูห้าวดาวเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ก็ทำให้รสชาติการท่องเที่ยวเพื่อให้ถึงสวรรค์ชั้นหกในแบบฉบับของผมเต็มไปด้วยสีสันความแปลกใหม่ให้ตัวเองได้ไม่น้อย

ม่อนหมอกตะวัน แหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ของ จ.ตาก คือ เรื่องราวการเดินทางที่ทำให้ผมได้สัมผัสธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ รายล้อมไปด้วยทะเลหมอก อุณหภูมิระดับสิบองศาปลายๆ มีดาวเดือนเกลื่อนท้องฟ้า และวิวพาโนรามา 360 องศา ตื่นเช้ามาได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมหมอกจางๆ ช่วงเวลาเย็นเวลาพระอาทิตย์ตกก็ได้เห็นแสงสวยยามฟ้าเปลี่ยนสี คืนวันที่หมุนผ่านตามเวลามันช่างทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์บนดินสำหรับสายแคมป์ปิ้งที่พร้อมปักหลักใช้ชีวิตในรูปแบบนอนเต็นท์โดยแท้

ม่อนหมอกตะวัน ตั้งอยู่ที่บ้านป่าหวาย หมู่3 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในโครงการ 25 UNSEEN NEW SERIES ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศเพื่อใช้เป็นจุดขายใหม่เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ

เดิมทีม่อนหมอกตะวัน หรือดอยป่าหวาย เป็นไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง และแปลงพืชผักพื้นที่ทำการเกษตรของชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยสูงในระดับ 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความโดดเด่นของภูมิทัศน์ที่ยอดดอยมีพื้นที่ราบสโลบลง และรายล้อมไปด้วยทิวเขา ยอดดอยน้อยใหญ่ มุมมองภาพแบบพาโนรามา 360 องศาของพื้นที่นี้จึงทำให้เราสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงหน้า และเห็นแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าที่ปลายเขาในทุกๆวัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนม่อนหมอกตะวันจะถูกโอบกอดด้วยทะเลหมอกโดยรอบ ส่วนฤดูหนาวอุณหภูมิก็ลดต่ำกว่าสิบ เรียกได้ว่า ครบสูตรที่เที่ยวในฝันของนักเดินทางที่อยากอยู่ใกล้ชิด และชื่นชมความงดงามของธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์

ผมเริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเศษ แวะพักรายทางบ้างนิดหน่อย เพราะตั้งใจว่าอยากไปถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่ายแก่ๆ จาก อ.แม่สอด อาจใช้เวลาราวชั่วโมงเศษ บนถนนหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เลยอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญไป จะมีป้ายน้ำตกป่าหวาย เดินทางต่อไปอีก 13 กม.บนถนนคอนกรีตซึ่งแม้จะมีเพียงเลนเดียวแต่ก็ทำให้รถทุกชนิดสามารถสัญจรไปถึงได้

จากพื้นราบไต่ระดับขึ้นไปไม่เท่าไรก็จะเริ่มได้กลิ่นความบริสุทธิ์ของอากาศและอุณหภูมิที่เย็นลง เมื่อถึงยอดดอยม่อนหมอกตะวันก็รู้สึกแปลกใจไปกับสภาพภูมิประเทศโดยรอบ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผมเลือกจอดรถแล้วลองบินโดรนเพื่อเห็นภาพมุมสูงโดยรอบของม่อนหมอกตะวัน พอเห็นภาพมุมสูงแล้วอยากบอกว่า ถนนสวยที่ทอดตัวเป็นทางยาวไล่เรียงไต่ระดับความชันไปตามภูเขาสู่ยอดดอยนั้นสวยแปลกตา สมเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนที่น่าค้นหาท่ามกลางทิวเขาน้อยใหญ่ไล่เรียงกันไปแบบสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศความเงียบสงบ เสียงลมวูบไหวพัดพาให้ทุ่งดอกเสี้ยน ดอกไม้ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์บนยอดม่อนแห่งนี้ปลิวไสวราวกับเต้นระบำไปตามกระแสลม
การมาเที่ยวม่อนหมอกตะวันในครั้งนี้ แม้จะรู้ดีว่าการตามล่าหาหมอกแบบปกคลุมยอดดอยคงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ใช่ช่วงเวลาฤดูกาลที่เหมาะสม แต่ด้วยอากาศที่เย็นสบาย ออกติดจะลมแรงกว่าทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา โอกาสได้เห็นหมอกฟูๆ จึงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเทียบกับการอยู่ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น เงียบสงบ ไร้ซึ่งสีสัน แสงสี และความพลุกพล่านของผู้คน ผมคิดว่าที่นี่เหมาะกับการมาพักผ่อน ใช้ชีวิต Slowlife ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างช้าๆ แล้วปล่อยตัวให้อยู่กับธรรมชาติโดยไม่ต้องรีบร้อน รีบเร่ง น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการได้พักอย่างแท้จริง

ถึงแม้ว่าบนม่อนหมอกตะวัน จะมีกระโจม เต็นท์โดม หรือกระต๊อบใบตองตึง ให้เลือกพักตามความต้องการ และมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร โดยมีอาหารเด็ด อย่าง หมูกระทะ ที่ผมชื่นชอบและสามารถทานได้ทุกวันในทุกมื้อเย็นโดยไม่มีเบื่อ แต่การนำเต็นท์มากาง พกพาอุปกรณ์สนามแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน โต๊ะ เก้าอี้ ตะเกียง ไฟฉาย อุปกรณ์ครัว รวมไปถึงชุด ดริป กาแฟ ฯลฯ ก็กลายเป็นพร็อพสำคัญในการมาเที่ยวสไตล์แคมป์ปิ้งที่ทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้

ผมเลือกใช้เวลาในช่วงเย็น เดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศสบายๆ บนดอยป่าหวาย หรือม่อนหมอกตะวัน หลังจากเก็บของสัมภาระเรียบร้อย จากนั้นก็ออกเดินไปสำรวจบริเวณรอบๆ

ที่นี่มีร้านดริปกาแฟ กางผ้าใบสไตล์แคมป์ปิ้งอยู่บริเวณใจกลางลานกางเต็นท์หลัก ผมเลือกแวะมานั่งพัก สั่งเครื่องดื่มร้อนมาช่วยดับอุณหภูมิความหนาวเย็น แล้วนั่งมองวิวภูเขาที่อยู่ตรงหน้าแบบไม่สนใจเวลา มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกได้เลยว่า สงบ ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง จนแทบอยากจะฟรีซเวลานี้ไว้เลย

ถ้ามีเวลาอยู่บนม่อนหลายวัน และไม่ขี้เกียจกับการย้ายสัมภาระข้าวของ ผมว่าลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการนอนเต็นท์กระโจมมานอนเต็นท์โดมขนาดใหญ่กันก็ได้ แนะนำ ดอยป่าหวายแคม์ปิ้ง ที่นี่สะอาดสะอ้าน ตัวโดมตั้งอยู่ในจุดที่ชมวิวดูทะเลหมอกยามเช้าได้ดี ชนิดที่เรียกว่านอนดูจากที่นอนเลยก็ได้ถ้ามีหมอก ใครชอบถ่ายภาพ กลางคืน ตั้งกล้องถ่ายดาวก็ดีไม่แพ้กันเลยครับ เรียกได้ อยู่สบาย คุ้มค่า คุ้มราคา ถ้าสนใจเลือกพักได้ทั้งแบบ โดมวิลเทล แบบที่ผมนอน หรือจะพักแบบกระโจมขาว หรือห้องพักแบบบ้านหลังก็เลือกได้ตามสะดวก ซึ่งทุกประเภทมีระเบียงด้านหน้าให้ได้ชมวิว สนใจที่พัก ติดต่อ ดอยป่าหวายแคม์ปิ้ง ได้ที่ 09 4639 6256

กิจกรรมหลักบนม่อนหมอกตะวัน ผมเชื่อว่า มันคือการได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และธรรมชาติ ช่วงเวลาเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถ้ามีหมอก คุณก็ได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของทะเลหมอก แต่ถ้ามาไม่ตรงช่วงหมอกหนาปกคลุมเหมือนที่คนอื่นๆรีวิวกัน เพราะอาจมาไม่ตรงกับช่วงเวลาที่เหมาะสม แค่ได้รับลมเย็นบนยอดดอย ค่อยๆ เห็นพระอาทิตย์สาดแสง มีไอแดดอุ่นๆ พาดผ่านทิวเขาน้อยใหญ่ ภาพความประทับใจเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ที่เก็บเกี่ยวได้จากที่นี่นะครับ

ส่วนสถานที่เที่ยวใกล้เคียงที่อยากแนะนำให้แวะ อยากให้เริ่มตั้งแต่ก่อนถึงม่อนหมอกตะวัน ผมแวะแม่สอดก่อน เพื่อโฉบดูตลาดริมเมย ไปครั้งนี้ไม่คึกคักส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ร้านค้าจึงค่อนข้างบางตา สินค้ามีไม่มากซึ่งก็ไม่มีอะไรที่ผมสนใจอยากซื้อก็เลยผ่านไป แล้วขับรถต่อไปยัง อ. พบพระ แล้วพุ่งตรงไปที่ร้าน ครัวบ้านต้อม ร้านเด็ดที่เรียกได้ว่าเป็นช้างเผือกของอำเภอนี้เลยก็ได้นะครับ ร้านขนาดเล็กธรรมดาซ่อนตัวอยู่หลังเนินเขา ความพิเศษอยู่ที่น้ำพริกเครื่องแกงต่างๆ เขาตำเอง ความสดใหม่ที่ได้กับคุณภาพของอาหาร โดยเฉพาะเมนูปลานั้น รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง

ผมเลือกสั่งจานโปรด ทอดมันปลากราย เนื้อปลา เหนียว นุ่มเด้ง แถมเสิร์ฟมาแบบหั่นเป็นชิ้นแนวยาว ทานง่ายสะดวก อร่อยเกินความคาดหมาย ส่วนฉู่ฉี่ปลารากกล้วยก็ดีงาม ไม่แพ้ต้มยำปลารสชาติเข้มข้น ซดน้ำแล้วสดชื่นเลย ใครสนใจอยากไปลองชิม ลองเซิร์จหา ภูรีแลนด์ ครัวบ้านต้อม รับรองว่า google map พาไปถึงที่ครับ

อิ่มท้องกับของอร่อยๆ แล้วไปชมวิวน้ำตกสวยๆ ของ อ.แม่สอด กันบ้าง เริ่มตั้งแต่ น้ำตกธารารักษ์ ที่นี่ผมขับรถผ่านแล้วเห็น น้ำตกไหลลงจากหน้าผา ก็เลยขับรถเข้าไปชมดูหน่อยว่า น้ำตกอะไรดูสวยดี เข้าไปเลยรู้ว่า ที่นี่คือน้ำตกผาชัน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันมานานเพราะเป็นน้ำตกชั้นเดียวที่ไหลจากหน้าผาสูงถึง 30 เมตร ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำตกธารารักษ์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพาเจริญ บริเวณด้านล่างเป็นหนองน้ำ และเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีสะพานเลียบน้ำตกพาดผ่านหนองน้ำให้ได้เดินเล่นชมทิวทัศน์คล้ายสวนสาธารณะใหญ่ร่มรื่น มีซุ้มนั่งเล่น และร้านค้า ร้านอาหารให้บริการ

จบทริปม่อนหมอกตะวัน ใช้ชีวิตบนดอย กินหมูกระทะมา 3 วันติด แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับการตามล่าหาหมอก แต่ก็เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองได้สูดอากาศบริสุทธิ์ซะเต็มปอด ได้ถ่ายภาพภูเขาสวย ได้นอนหลับไวขึ้น รีชาร์จพลังได้เต็มที่จริงๆ และผมก็คิดว่า ธรรมชาติที่นี่ก็ชวนให้ผมต้องกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ ผมเชื่อว่า คงจะมีภาพสวยๆของทะเลหมอกที่ม่อนหมอกตะวันมาให้ชมกันแบบฟูฟูแน่นอนครับ

สวรรค์ชั้นหก
สุวิชาญ พลิคามินทร์
ช่างภาพ บล็อกเกอร์ และนักเขียนอิสระ ผู้หลงไหลการออกเดินทางไปบันทึกภาพยังสถานที่ต่างๆหลากหลายทั่วโลก พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนรอบข้างและผู้อ่านได้สนุกกับการเก็บกระเป๋าไปสัมผัสดินแดนในฝันของตัวเอง เพราะเชื่อว่าทุกการเดินทางล้วนมีเรื่องราวและความทรงจำที่งดงามเสมอ

สวรรค์ชั้นหก x traveling
www.facebook.com/thesixthfloorgallery
Instagram : thesixthfloor