มหัศจรรย์ธารน้ำกระบี่

ไปพายคายัก ที่คลองหรูด คลองน้ำใส

มากระบี่ครั้งนี้ เดิมทีตั้งใจว่าจะโฉบมาแวะชิมอาหารถิ่นชุมชน เพราะเพื่อนบอกว่า อยากให้มาลองชิม แกงกะทิไก่หยวกกล้วยและน้ำชุบคลีเซะ หรือน้ำพริกกะปิใส่มะพร้าวคั่ว สูตรเด็ดของชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองทะเล ว่าอร่อยเด็ดสักแค่ไหน ก็เลยถือโอกาสเดินทางตามรอยสู่อันซีนนิวซีรี่ส์แห่งใหม่ที่ติดลิสต์ 1 ใน 25 แห่ง ที่ คลองหรูด คลองน้ำใส ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ กันไปพร้อมกันเลยทีเดียว

ผมเดินทางมาถึงชุมชนบ้านหนองทะเล เพราะนัดแนะ ผู้นำชุมชนบ้านหนองทะเลว่า จะมาทานมื้อเที่ยงที่นี่ แต่พอดีแวะเที่ยวไปเรื่อยตามทาง มากระบี่คราวนี้ เปลี่ยนไปเยอะ ร้านคาเฟ่ใหม่ๆ เปิดขึ้นมากมาย โดยส่วนตัว ผมชอบแวะนั่งชิลตามคาเฟ่เล็กๆ แบบคนไม่พลุกพล่านมาก แต่มาครั้งนี้ก็ถือว่ามาอัพเดทที่เที่ยวที่กินนิดๆหน่อยๆ เพราะมีเวลาไม่มาก แค่ได้มาเที่ยวคลองหรูด อันซีนกระบี่ก็ถือว่าไฮไลต์สุดของทริปนี้แล้ว

วิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนบ้านหนองทะเล ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ กับการได้มาเห็นในครั้งแรกก็รู้สึกแปลกตาอยู่ไม่น้อย พื้นที่ตรงนี้มันมหัศจรรย์จริงๆ แบบไม่คิดว่าขับรถเข้าซอยเล็กๆ จากถนนใหญ่มาแล้วจะมาเจอหนองน้ำขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยธรรมชาติของภูเขา ต้นไม้ ราวกับฉากในหนัง ลองจินตนาการดูว่าถ้ามาในช่วงเวลาเช้าที่มีไอหมอกลอยเหนือน้ำก็คงสวยไม่ต่างจากภาพวาด หรือถ้ามาช่วงเย็นตอนฟ้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้มจัด มีภูเขาสีดำทะมึนเป็นฉากหลัง ก็คงให้อารมณ์โรแมนติกไปอีกแบบ การมาเที่ยวในสถานที่สวยๆ การได้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เพราะคุณจะได้พบเจอความสวยงามที่เต็มไปด้วยภาพจำและความประทับใจในช่วงเวลาแห่งความสุขของการเดินทางนั้น

บ้านหนองทะเล อยู่ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติ ที่มี “หนองทะเล” เป็นหนองน้ำจืดศูนย์กลางของหมู่บ้าน และมี “ดอกจิก” เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของท้องถิ่นที่นี่ เราแวะเติมพลังด้วยการทานอาหารอร่อยๆ แบบพื้นบ้านกันที่ร้านอาหารริมคลองหรูด ที่จัดการโดยชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองทะเล

มาถึงปุ๊บพี่ขวัญตา ประธานชุมชนยกเสิร์ฟของอร่อยมาให้เลยครับ อาหารเมนูบ้านๆ แต่หน้าตาดี ถึงจะมีไม่กี่เมนูแต่แค่เห็นก็ท้องร้องขึ้นมาทันที เค้าว่ากันว่า ไปเที่ยวบ้านหนองทะเล เมนู “น้ำชุบคลีเซะ” ที่ชาวบ้านจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า…หรอยแรง!! นั้น คุณพลาดไม่ได้เด็ดขาด เสิร์ฟแล้วก็จัดไปครับ

น้ำชุบคลีเซะ คือ น้ำพริกกะปิใส่มะพร้าวคั่วนั่นเอง คนใต้เค้าจะเรียก น้ำพริกว่าน้ำชุบ เพราะต้องเอาไปชุบกับผักหรือเครื่องเคียงต่างๆ เพื่อเพิ่มความอร่อย วิธีการทำเหมือนน้ำพริกกะปิทั่วไป ตำเสร็จแล้วใส่มะพร้าวคั่วลงไปตำต่ออีกนิดหน่อย จะได้รสชาติที่หอมมันมากขึ้น จิ้มน้ำพริกกับผักพื้นบ้านตามแต่ฤดูกาล แค่นี้ก็ครบสูตรน้ำชุบคลีเซะแล้วครับ อ้อ จริงๆ มีปลาเค็มทอด แถมมาด้วย ทานคู่กันกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยเข้าทีดีเหมือนกัน

ส่วนอาหารท้องถิ่นประเภทแกง แนะนำว่าต้อง แกงไก่สามร้อยลี้ และต้มส้มหนองทะเล ทีเด็ดของชุมชนที่ต้องมาชิมให้ได้ อร่อยมากจนผมต้องเติมข้าวถึง 2 จานเลยทีเดียว อิ่มอร่อยแบบบ้านๆ ในราคาเบาๆ

เติมพลังอิ่มท้องแล้วนั่งพักสักครู่ใหญ่ รอให้แดดร่มลมตกก่อน แล้วเราค่อยออกไปพายเรือทัวร์คลองหรูด คลองน้ำใส ที่เค้าบอกว่า อะเมซซิ่งกับความมหัศจรรย์ในความใสของหนองน้ำ และต้นน้ำแห่งนี้ว่ามันใสมากน้อยแค่ไหน

วันที่ผมไปอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมีฝน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการพายคายักแต่อย่างใด ฟ้าไม่ใสอย่างที่คิด แดดไม่มีอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็เพลิดเพลินไปกับธารน้ำผุดจากใต้น้ำ “คลองหรูด” ท่ามกลางป่าพรุ เต็มไปด้วยเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ นี่ถ้าอากาศดีๆ ผมว่า น้ำใสแจ๋ว ชนิดที่น้ำใสปิ๊งราวกระจกแน่นอน ระหว่างพายคายักก็เพลินไปกับการมองดูผืนน้ำด้านล่าง ใต้น้ำมีตอไม้อยู่เยอะ แต่ว่าน้ำใสจนมองเห็นด้านล่าง ก็ควรระวังในการพาย นี่ขนาดระวังยังพายไปติดอยู่หลายรอบ ต้องโยก คายักกันหลายทีกว่าจะหลุดจากตอไม้ แต่ก็มีสีสันสนุกไปอีกแบบ

จริงๆ การพายคายักไปดูธารน้ำผุดจากใต้น้ำ “คลองหรูด” หรือคลองน้ำใส ช่วงเวลาที่ดีที่สุดควรจะเป็นช่วงที่มีแสงแดดตกกระทบผิวน้ำ ระหว่างทางมีกล้วยไม้เอื้องแปรงสีฟัน ดอกสีชมพู สวยดูแปลกตา และหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นกาฝากอยู่ตามต้นไม้ที่โผล่เหนือน้ำ

พอพายมาจนสุดหนองน้ำ จะกลายเป็นเส้นทางน้ำที่เล็กๆ เราก็พายเรือเข้าไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความร่มรื่นและเงียบสงบของร่มไม้กลางป่าชุมชน จนเจอจุดสำหรับเล่นน้ำ บริเวณนี้น้ำใสมาก เห็นแล้วแทบอยากกระโดดลงไปแช่ให้หายร้อนเลย แต่เราต้องพายต่อไปข้างหน้าก่อน เพราะไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ ความมหัศจรรย์ของต้นน้ำด้านในที่เป็นตาน้ำ มีน้ำผุดเป็นฟองขึ้นมาตลอด ส่วนผิวน้ำก็ใสกิ๊งมองลงไปเห็นถึงพื้นดินด้านล่างกันเลย

ผมว่า นี่แหละที่เป็นที่มาของของคลองน้ำใส ใสมากจริงๆ ผืนน้ำเป็นสีเขียวมรกตใสราวคริสตัล บางจุดเห็นผืนทรายใต้น้ำได้อย่างชัดเจน ในส่วนของตาน้ำนี้ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เพราะนั้นแค่หยุดถ่ายภาพสวยๆ หยุดนิ่งๆ ซึมซับบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาติที่แสนสงบ มันคือที่สุดแล้วสำหรับการเที่ยวเชิงนิเวศ ที่เราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบไม่รบกวนเค้า และเลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติด้วยความเคารพ ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ ผมว่า ความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวดีๆ ก็จะอยู่กับเราไปนานๆ และสามารถสร้างความสุขให้กับทุกคนที่มาเยือนได้มาพบเห็นแล้วรู้สึกอิ่มเอมได้ไม่ต่างจากผมในตอนนี้

การพายคายักชมเส้นทางธรรมชาติ (คลองน้ำใส) เวลาที่ควรไป ช่วงเช้า 09.00-11.00 และช่วง 16.00 เป็นต้นไป เพื่อรูปสวยด้วยแดดดีๆแต่ไม่ร้อนมาก ปัจจุบัน มีจุดให้บริการเรือคายักอยู่หลายแห่ง แต่ผมเลือกใช้บริการของ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองทะเล มีพี่ขวัญตา ประธานชุมชน คอยดูแลจัดการในเรื่องของเรือ และอาหารแบบเสร็จสรรพ โทรศัพท์ติดต่อได้ 06 1280 1014

เที่ยวชมธรรมชาติ สัมผัสวิถีชุมชนที่บ้านหนองทะเลแล้ว คราวนี้มา Hopping ไปเรื่อยๆ กับคาเฟ่ต่างสไตล์กันต่อ ก่อนเข้าที่พักแถวหาดทับแขก ผมเลือกแวะชิวแถวหาดคลองม่วง ที่ เดอะ โบ๊ท คอฟฟี่ ที่เลือกมาที่นี่ก็เพราะว่า เป็นร้านออกแนวสบายๆ บ้านๆ แต่ได้วิวมุมดีกับหน้าหาดกว้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน คาเฟ่มีมุมนั่งเล่นให้เลือก ทั้งบีนแบ็กริมหาด มุมชิงช้า ที่นั่งรังนก ซุ้มดอกไม้ ชอบมุมไหนเลือกนั่งตามชอบเลย ใครสายชิวคงชอบแน่ มาแล้วนอกจะหย่อนใจชมวิว จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ชื่นใจสักแก้ว หรือลงไปเดินเล่นชายหาด เก็บภาพบรรยากาศยามแดดร่มลมตกเหมือนผม เดินเรื่อยๆ ปะทะแสงแดดอ่อน ทะเลหาดคลองม่วงระยิบระยับสวยได้อีกมุมมองไปอีกแบบ

อีกคาเฟ่ที่ผมเลือกแวะคือ Into The Forest ร้านอาหารและคาเฟ่ที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาธรรมชาติ ประมาณว่า มาเข้าป่าแล้วสั่งชาเขียวเย็นดื่มสักแก้ว สำหรับที่นี่ ผมเลือกมาตอนเช้าตั้งแต่ร้านเปิดเพราะไม่อยากเจอผู้คนเยอะมากมายจนถ่ายรูปไม่ได้ กะว่ามาหาอะไรทานรองท้องสักนิด บรรยากาศคาเฟ่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งต้นไม้และภูเขา ทางเข้าด้านหน้าเป็นสวนยางพารา ส่วนวิวด้านหลังคาเฟ่เป็นภูเขา นี่มันทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด บางทีออกมาจากชีวิตคนเมืองสักวันสองวัน ถ้าได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้บ่อยๆก็คงดีไม่น้อย คาเฟ่แนวธรรมชาติที่นั่งมองงิวทะลุผ่านกระจก เห็นสายหมอกเอื่อยๆ ไหลผ่าน นั่งหย่อนใจไปเพลินๆ พร้อมมีจานอร่อย ทาโก้หมูตุ๋น ทานคู่ไปด้วย มันก็เข้าท่าดีเหมือนกัน และปิดท้ายด้วยเค้กสักชิ้นก่อนออกจากร้าน ขณะที่ลูกค้ากำลังเริ่มทยอยกันมาเช็คอินที่นี่ จะว่าไป กระบี่ไม่ได้มีดีหรือสวยแค่ทะเลจริงๆ เพราะมีแหล่งเช็คอินแห่งใหม่ซ่อนตัวอย่างนี้

ก่อนกลับกรุงเทพฯ ผมเลือกแวะ ควนนมสาว จุดชมวิวและที่ตั้งแคมป์ปิ้งแห่งใหม่ในพื้นที่ ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ ไม่ไกลจากร้านคาเฟ่ Into The Forest ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ที่ยังไม่ได้รับการโปรโมท เนื่องจากอยู่ในบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน การเดินทางเข้ามา ถ้าไม่ใช่รถโฟรวิลล์อาจไม่สะดวก เพราะทางขึ้นสูงชัน อาจต้องโทรศัพท์หาเจ้าของให้ขับรถลงมารับที่ปากทางเพื่อขึ้นไปสู่จุดชมวิวของร้าน เสียดายที่ไม่ได้มาช่วงเช้าเพื่อชมทะเลหมอก แต่ขอมาสังเกตการณ์ดูก่อนว่า วิวสวยบนยอดเขานั้นเป็นแบบไหน ผมขับรถมาถึงบริเวณ บ้านเขาทอง เห็นป้ายบอกทางไป ควนนมสาว ฮิปปี้ แล้วโทรหาบังอิฐ 06 2493 0917 ให้ขับรถกระบะลงมารับที่ลานจอดรถ เพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบน

ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดด้านบน เห็นวิวแล้ว บอกได้เลยว่า เป็นจุดชมวิวหลักล้านในมุมมอง 180 องศา ที่สามารถนั่งชิวรับลมเย็นสบาย และชมสายหมอกยามเช้าได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง มีภูเขา 2 ลูกอยู่ตรงหน้าที่ติดกัน ซึ่งมีลักษณะเหมือนนมผู้หญิง จนเห็นเหตุให้ชาวบ้านแถบนี้เรียกภูเขานี้ว่า ควนนมสาว ที่นี่นอกจากเป็นจุดชมวิวสวยบนมุมสูงของกระบี่แล้ว ยังมีลานกางเต้นท์ให้นอนดูดาว ล่าทางช้างเผือก และมีบริการอาหารในราคาแสนประหยัดอีกด้วย

นั่งคุยกับบังอิฐ ผู้เป็นเจ้าของสถานที่เลยได้รู้ว่า เพิ่งเปิดเป็นพื้นที่กางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งที่ชื่นชอบบรรยากาศเรียบง่ายสบายๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนเนินเขาที่อากาศเย็นแทบจะตลอดทั้งปี ด้านบนมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ได้มากถึง 30 เต็นท์ ซึ่งคิดค่าบริการสำหรับผู้นำเต็นท์มาเองเพียง 100 บาท ไม่รวมอาหารเช้า และสามารถนำอาหารมาปิ้งย่างได้ตามสะดวก ให้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็ให้ที่นี่เตรียมอาหารให้ได้ ซึ่งสนนราคาไม่แพงจริงๆ ผมลองเลือกสั่งแค่กาแฟ 2 แก้ว และโรตีขนมปังอีกหนึ่งจาน บังอิฐ คิดราคาแค่ 45 บาท ฟังแล้วงงเลย

เที่ยวกระบี่ครั้งนี้แม้ใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ไม่ได้ไปเที่ยวเกาะแก่งเหมือนทุกครั้ง แต่ก็รื่นรมย์ไปกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่อันซีนที่สัมผัสแล้วรู้สึกประทับใจกับความสวยงามของธรรมชาติเมืองไทย เปลี่ยนแนวมาเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ป่า เขา ลำเนาไพรแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ก็รู้สึกได้ถึงความบริสุทธิ์สะอาดของอากาศที่สูดเข้าไปจริงๆ

รับรองว่า ครั้งหน้ามาเที่ยวกระบี่ จะแวะกลับมาชมวิวสวยสุดว้าวเก็บภาพทะเลหมอกยามเช้า ที่ ควนนมสาว ให้ได้

สวรรค์ชั้นหก
สุวิชาญ พลิคามินทร์
ช่างภาพ บล็อกเกอร์ และนักเขียนอิสระ ผู้หลงไหลการออกเดินทางไปบันทึกภาพยังสถานที่ต่างๆหลากหลายทั่วโลก พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนรอบข้างและผู้อ่านได้สนุกกับการเก็บกระเป๋าไปสัมผัสดินแดนในฝันของตัวเอง เพราะเชื่อว่าทุกการเดินทางล้วนมีเรื่องราวและความทรงจำที่งดงามเสมอ

สวรรค์ชั้นหก x traveling
www.facebook.com/thesixthfloorgallery
Instagram : thesixthfloor